มัลติมีเดีย หรือสื่อประสม เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถแสดงข้อความเสียง และภาพ ซึ่งอาจจะเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวได้พร้อมๆ กัน
ถ้าอธิบายเพียงแค่นี้ก็คงนึกว่า มัลติมีเดีย ก็คงไม่แตกต่างไปจากเครื่องรับโทรทัศน์ ซึ่งก็สามารถแสดงข้อความ เสียง และภาพได้พร้อมๆ กัน
ความแตกต่างจึงอยู่ที่ตัวคอมพิวเตอร์เพราะคอมพิวเตอร์นั้นทำให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับข้อความ ภาพ และเสียงที่เห็นและได้ยินได้ อีกนัยหนึ่งมัลติมีเดียมีสมรรถนะในการโต้ตอบ (Interactivity) ในขณะที่โทรทัศน์ไม่มีความสามารถนี้
เดิมทีนั้นการใช้คอมพิวเตอร์จำกัดอยู่แต่เพียงการคำนวณตัวเลขข้อมูลต่างๆ ต่อมาก็ได้ขยับขยายไปสู่การประมวลคำ (Word Processing) ซึ่งก็คือการพิมพ์เอกสารรายงาน จดหมายต่างๆ อันเป็นงานที่เราใช้มาจนกระทั่งทุกวันนี้ ต่อมาอีกก็มีผู้คิดนำภาพมาเก็บไว้เป็นข้อมูลเพื่อบรรณาธิกรภาพที่เก็บไว้นั้น เช่น นำภาพมาตัดต่อ ขยาย ย่อ เปลี่ยนสเกล ฯลฯ เมื่อนำมาผนวกกับงานประมวลคำก็ทำให้เกิดงานใหม่ที่เรียกว่า งานพิมพ์ตั้งโต๊ะ (Desktop Publishing) อันเป็นงานที่สำนักพิมพ์ทั้งหลายจำเป็นต้องนำมาใช้ มิฉะนั้นก็จะไม่สามารถแข่งกับผู้อื่นได้
ถัดจากภาพนิ่งสำหรับพิมพ์ ก็มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์สร้างเสียงต่างๆ รวมถึงเสียงดนตรี ในตอนแรกก็เป็นเสียงหยาบๆ ไม่น่าฟัง ต่อมาก็มีผู้พัฒนาแผ่นวงจรเสียงขึ้นใช้กับคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถสร้างเสียงเครื่องดนตรีแบบต่างๆ ได้อย่างไพเราะ ในขณะเดียวกันก็มีผู้สนใจใช้คอมพิวเตอร์สร้างภาพเคลื่อนไหว (Animation) ขึ้นในคอมพิวเตอร์ด้วย
วิวัฒนาการทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ทำให้คอมพิวเตอร์พร้อมที่จะแสดงทั้งข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง แล้วในที่สุดเทคโนโลยีมัลติมีเดียก็เกิดขึ้น
การใช้คอมพิวเตอร์เก็บภาพและเสียงนั้นจำเป็นจะต้องใช้สื่อบันทึกที่มีความจุสูงมาก แผ่นดิสเกตต์ที่มีความจุเพียง 1.44 เมกะไบต์ นั้นไม่พอเพียง ดังนั้นนักคอมพิวเตอร์จึงหันไปหา Compact Disk ซึ่งมีใช้อยู่แล้วในวงการเพลงมาใช้เป็นสื่อบันทึก แล้วเรียกเสียใหม่ว่า CD-ROM ซึ่งมีความหมายว่าเป็นแผ่นซีดี ที่ใช้บันทึกข้อมูลสำหรับอ่านอย่างเดียวจะใช้บันทึกใหม่ไม่ได้ แผ่นซีดี-รอมนี้มีความจุมากถึง 600 เมกะไบต์ ดังนั้นจึงมากเพียงพอที่จะใช้ในงานมัลติมีเดีย
ในเวลานี้งานที่นิยมทำเป็นมัลติมีเดีย ก็คืองานจัดทำสารานุกรมซึ่งนำเอาสารานุกรมแบบเก่าที่พิมพ์เป็นเล่มมาจัดทำใหม่ให้มีทั้งภาพเคลื่อนไหว และเสียงอธิบาย งานคอมพิวเตอร์ช่วยสอนซึ่งมีทั้งภาพ เสียง และแบบฝึกหัด เกมคอมพิวเตอร์ งานโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้า ฯลฯ ในบรรดางานเหล่านี้เกมคอมพิวเตอร์ และงานด้านคอมพิวเตอร์ช่วยสอนได้รับความนิยมมาก เกมนั้นไม่ต้องพูดมาก เพราะมีผู้นิยมเล่นมากอยู่แล้ว ส่วนบทเรียนในรูปแบบมัลติมีเดียนั้นก็มีผู้สนใจจัดทำออกมาจำหน่ายมากเช่นกันโดยเฉพาะทางด้านสอนภาษาต่างประเทศ
ถ้าอธิบายเพียงแค่นี้ก็คงนึกว่า มัลติมีเดีย ก็คงไม่แตกต่างไปจากเครื่องรับโทรทัศน์ ซึ่งก็สามารถแสดงข้อความ เสียง และภาพได้พร้อมๆ กัน
ความแตกต่างจึงอยู่ที่ตัวคอมพิวเตอร์เพราะคอมพิวเตอร์นั้นทำให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับข้อความ ภาพ และเสียงที่เห็นและได้ยินได้ อีกนัยหนึ่งมัลติมีเดียมีสมรรถนะในการโต้ตอบ (Interactivity) ในขณะที่โทรทัศน์ไม่มีความสามารถนี้
เดิมทีนั้นการใช้คอมพิวเตอร์จำกัดอยู่แต่เพียงการคำนวณตัวเลขข้อมูลต่างๆ ต่อมาก็ได้ขยับขยายไปสู่การประมวลคำ (Word Processing) ซึ่งก็คือการพิมพ์เอกสารรายงาน จดหมายต่างๆ อันเป็นงานที่เราใช้มาจนกระทั่งทุกวันนี้ ต่อมาอีกก็มีผู้คิดนำภาพมาเก็บไว้เป็นข้อมูลเพื่อบรรณาธิกรภาพที่เก็บไว้นั้น เช่น นำภาพมาตัดต่อ ขยาย ย่อ เปลี่ยนสเกล ฯลฯ เมื่อนำมาผนวกกับงานประมวลคำก็ทำให้เกิดงานใหม่ที่เรียกว่า งานพิมพ์ตั้งโต๊ะ (Desktop Publishing) อันเป็นงานที่สำนักพิมพ์ทั้งหลายจำเป็นต้องนำมาใช้ มิฉะนั้นก็จะไม่สามารถแข่งกับผู้อื่นได้
ถัดจากภาพนิ่งสำหรับพิมพ์ ก็มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์สร้างเสียงต่างๆ รวมถึงเสียงดนตรี ในตอนแรกก็เป็นเสียงหยาบๆ ไม่น่าฟัง ต่อมาก็มีผู้พัฒนาแผ่นวงจรเสียงขึ้นใช้กับคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถสร้างเสียงเครื่องดนตรีแบบต่างๆ ได้อย่างไพเราะ ในขณะเดียวกันก็มีผู้สนใจใช้คอมพิวเตอร์สร้างภาพเคลื่อนไหว (Animation) ขึ้นในคอมพิวเตอร์ด้วย
วิวัฒนาการทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ทำให้คอมพิวเตอร์พร้อมที่จะแสดงทั้งข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง แล้วในที่สุดเทคโนโลยีมัลติมีเดียก็เกิดขึ้น
การใช้คอมพิวเตอร์เก็บภาพและเสียงนั้นจำเป็นจะต้องใช้สื่อบันทึกที่มีความจุสูงมาก แผ่นดิสเกตต์ที่มีความจุเพียง 1.44 เมกะไบต์ นั้นไม่พอเพียง ดังนั้นนักคอมพิวเตอร์จึงหันไปหา Compact Disk ซึ่งมีใช้อยู่แล้วในวงการเพลงมาใช้เป็นสื่อบันทึก แล้วเรียกเสียใหม่ว่า CD-ROM ซึ่งมีความหมายว่าเป็นแผ่นซีดี ที่ใช้บันทึกข้อมูลสำหรับอ่านอย่างเดียวจะใช้บันทึกใหม่ไม่ได้ แผ่นซีดี-รอมนี้มีความจุมากถึง 600 เมกะไบต์ ดังนั้นจึงมากเพียงพอที่จะใช้ในงานมัลติมีเดีย
ในเวลานี้งานที่นิยมทำเป็นมัลติมีเดีย ก็คืองานจัดทำสารานุกรมซึ่งนำเอาสารานุกรมแบบเก่าที่พิมพ์เป็นเล่มมาจัดทำใหม่ให้มีทั้งภาพเคลื่อนไหว และเสียงอธิบาย งานคอมพิวเตอร์ช่วยสอนซึ่งมีทั้งภาพ เสียง และแบบฝึกหัด เกมคอมพิวเตอร์ งานโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้า ฯลฯ ในบรรดางานเหล่านี้เกมคอมพิวเตอร์ และงานด้านคอมพิวเตอร์ช่วยสอนได้รับความนิยมมาก เกมนั้นไม่ต้องพูดมาก เพราะมีผู้นิยมเล่นมากอยู่แล้ว ส่วนบทเรียนในรูปแบบมัลติมีเดียนั้นก็มีผู้สนใจจัดทำออกมาจำหน่ายมากเช่นกันโดยเฉพาะทางด้านสอนภาษาต่างประเทศ
1 ความคิดเห็น:
โย่วๆๆๆๆ
ติด 1 ใน 10 โว้ย!
แสดงความคิดเห็น